ภาพประกอบ: REUTERS/Ibraheem Al Omari และ REUTERS/Molly Darlington
แม้ว่าเราจะสามารถการันตีผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกเอเชียน คัพ ได้แล้ว แต่เชื่อได้เลยว่านี่คือเกมที่แฟนบอลไทยทั้งโลกต่างเฝ้ารอคอย และแอบหวังลึกๆ ว่า ทีมชาติไทยภายใต้การนำของ มาซาทาดะ อิชิอิ นั้นจะสามารถต่อกรกับคู่แข่งในเวทีระดับเอเชีย โดยเฉพาะกับว่าที่เจ้าภาพฟุตบอลโลกอย่าง ซาอุดิอาระเบีย
ไม่ต้องเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ในโลกของฟุตบอล เพราะทัพ “สิงห์ทะเลทราย” นั้นเคยผงาดครองจ้าวเอเชียถึงสามสมัย รวมถึงยังผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในฐานะตัวแทนจากโซนเอเชียได้มากถึง 6 สมัย และโดยเฉพาะผลงานสุดมาสเตอร์พีซในเวิลด์ คัพ หนล่าสุดที่สามารถเอาชนะ อาร์เจนติน่า ในรอบแบ่งกลุ่มได้แบบหักปากกาเซียนทั้งโลก แน่นอนว่า ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้การกุมบังเหียนของ โรแบร์โต้ มันชินี่ มั่นใจได้เลยว่าเป้าหมายเดียวที่พวกเขาต้องการก็คือ แชมป์เอเชียน คัพ เท่านั้น
ยอดทีมจากตะวันออกกลางทีมนี้ อาจจะออกสตาร์ทได้ไม่ร้อนแรงเท่าที่ควร หลังเอาชนะ โอมาน ชนิดที่ต้องออกแรงเหนื่อยยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนจะเชือด คีร์กีซสถาน ในนัดที่สอง ทำให้ ณ ตอนนี้ พวกเขาเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม แต่สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน เชื่อว่า ถ้าแลกได้ ซาอุฯ คงไม่อยากจะการันตีการเป็นแชมป์กลุ่ม F เพื่อไปเจอกับ รองแชมป์กลุ่ม E ที่คาดว่าอาจจะเป็น เกาหลีใต้ หรือ จอร์แดน เพราะรองแชมป์กลุ่ม F จะเข้าไปเจอกับ อุซเบกิสถาน ที่สามวันดีสี่วันไข้ อีกทั้งการจบในฐานะแชมป์กลุ่ม F ก็อาจจะมีกระดูกชิ้นโตอย่าง ออสเตรเลีย รออยู่ในรอบควอเตอร์ไฟน่อล ซึ่งพูดตรงๆ ว่า หนักกว่าการเจอเจ้าภาพอย่าง กาตาร์ ที่อย่างน้อยก็ยังมีความเป็นทีมในภูมิภาคเดียวกัน
ฉะนั้น สิ่งที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ ภาวนาให้เกิดขึ้นก็คือ ขอให้ เกาหลีใต้ ปิดงานของตัวเองด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม E ให้ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เกาหลีใต้ ก็เตรียมชนกับ ญี่ปุ่น ในรอบ 16 ทีมได้เลย กลายเป็นสถานการณ์ที่ชวนปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ช้อยส์ที่ ซาอุฯ ต้องการมากที่สุดก็คือสิ่งนี้นั่นเอง โดยที่พวกเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการดวลกับ ไทย คืนนี้
ข้ามมาที่ฝั่งทีมชาติไทย เกมนี้เราจะไม่มี ธีราทร บุญมาทัน ที่ติดโทษแบน แถมอีกหลายๆ คนในทีมก็รอจ่อโดนแบนอยู่ เชื่อว่านัดนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ น่าจะมีการปรับทัพเพื่อทดลองทีมในสถานการณ์ต่างๆ โดยคาดว่า นิโคลัส มิกเคลสัน น่าจะถูกสลับไปยืนวิงแบ็คซ้ายแทนที่ ธีราทร และส่ง สันติภาพ จันทร์หง่อม ลงมาประจำการฝั่งขวาแทน ส่งแผงหลัง เป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็นสามเซนเตอร์ฮาล์ฟลงสนามพร้อมกัน โดยคนที่จะได้รับโอกาสอีกคนคือ สุพรรณ ทองสงค์ เพื่อทดสอบการเล่นเกมรับเต็มรูปแบบ
ขณะที่แผงมิดฟิลด์ วีระเทพ ป้อมพันธ์ ยังคงลงปักหลักคุมจังหวะเกม โดยมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น สลัดอาการบาดเจ็บออกสตาร์ท โดยมี สารัช อยู่เย็น หรือ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เป็นตัวสอดแทรกเพื่อสร้างมิติในเกมรุก ส่วนสองริมเส้นตัวบน สุภโชค สารชาติ ยังคงเป็นตัวยืน ส่วนอีกคนที่น่าจะได้รับโอกาสคือ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ พร้อมกับวาง ศุภชัย ใจเด็ด ปักหลักในแดนหน้า ส่วน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น่าจะรอคอยบนม้านั่งสำรองก่อนในนัดนี้
เกมนัดนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากสำหรับทีมชาติไทย เพราะไม่ว่าจะเจอใครในรอบต่อไป ทุกทีมล้วนแต่หนักอยู่แล้ว เชื่อว่านัดนี้ อิชิอิ และลูกทีมที่ไร้ความกดดัน จะเล่นเกมรับด้วยความอดทน พร้อมกับรอจังหวะโต้กลับด้วยบอลยาวออกข้างให้ สุภโชค หรือ เจริญศักดิ์ ไปวัดกับแผงหลัง ซาอุดิอาระเบีย และถ้าหากว่าเราใช้โอกาสไม่เปลือง มีความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย และมีสมาธิตลอดทั้งเกม เชื่อว่าเกมนัดนี้ไม่ขาดแบบที่สื่อฝั่งตะวันตก หรือ อาหรับ คาดการณ์เป็นแน่
เกมนี้สื่อต่างประเทศต่างมองว่า ซาอุดิอาระเบีย ยังเหนือกว่าชัดเจนในแง่คุณภาพนักเตะ รวมถึงประสบการณ์ในเวทีระดับเอเชีย โดยทัพ “สิงห์ทะเลทราย” มีโอกาสชนะมากถึง 69% ขณะที่ทีมชาติไทยมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ที่ 19% และอาจจะจบลงด้วยผลเสมอเพียง 12%
ไทยชนะ จะไม่ใช่แค่แอปพลิเคชั่นอีกต่อไป เพราะวันนี้เราจะคว้าชัยไปด้วยกัน แม้ว่าโอกาสอาจจะน้อย และยากมากๆ แต่ถ้าเราเลือกที่จะสู้ ประตูแห่งชัยชนะก็พร้อมจะเปิดรอคอยเราอยู่เสมอ !!!
📌 ชนะหนสุดท้าย 1982! เปิดสถิติไทยก่อนบู๊ ซาอุดิอาระเบีย ศึกเอเชียน คัพ
📲Facebook: https://www.facebook.com/SabasportsThailand/
💻YouTube: https://www.youtube.com/@sabasportsthailand/videos
🕹Discord: https://dsc.gg/sabasports
📸Instagram: https://www.instagram.com/sabasports.th