ภาพประกอบ : Reuters/Matthew Childs
นัดชิงชนะเลิศศึก คาราบาว คัพ เป็นลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ เชลซี ไป 1-0 โดยได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาจากลูกโขกของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
ทั้งสองทีมมีโอกาสยิงประตูมากมาย แต่เหตุการณ์สำคัญในช่วงครึ่งแรกคือ มอยเซส ไกเซโด้ มิดฟิลด์ เชลซี ย่ำข้อเท้า ไรอัน กราเฟนแบร์ค จนต้องเปลี่ยนตัวออก แต่กองกลางเชลซี ไม่ได้แม้แต่ใบเหลือง
ถัดมา ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงตุงตาข่ายทีมเก่าก่อนโดน วีเออาร์ จับล้ำหน้าช็อตที่ นิโกลัส แจ็คสัน เซตบอลสวนกลับ ในครึ่งหลัง เป็นลิเวอร์พูล มีโอกาสส่งบอลเข้าไปนอนก้นตาข่าย เช่นกันจากจังหวะ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ขึ้นโขกเสียบตาข่าย แต่เวลาต่อมากลับโดน วีเออาร์ ยึดประตูข้อหา วาตารุ เอ็นโด ไปขัดขวางการเล่นของแนวรับ เชลซี จนจบด้วยสกอร์ 0-0
ช่วงต่อเวลานาทีที่ 118 ลิเวอร์พูล ได้เตะมุม คอสตาส ซิมิกาส ตัวสำรองเปิดเข้าหัว ฟาน ไดค์ โฉบโหม่งเสาแรก และกลายเป็นประตูชัยพา ลิเวอร์พูล เฉือน เชลซี 1-0 ทำให้ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 10 มากที่สุดในประวัติศาสตร์
📌 ผมเก่งสุด ชัลฮาโนลู ยกตัวเองเป็นกองกลางคุมเกมที่ดีสุดในโลก
📲Facebook: https://www.facebook.com/SabasportsThailand/
💻YouTube: https://www.youtube.com/@sabasportsthailand/videos
🕹Discord: https://dsc.gg/sabasports